วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ฮุนฮานกังนัมสไตน์ คัท ๔ ตอน ๔






 Gangnam 1995 cut 4





                “เซฮุน”
                ริมฝีปากบางครางชื่อเด็กหนุ่มแผ่วเบาหลังจากการคลุกวงในอันยาวนานจนผืนเตียงยับยู่ ดวงตาปรือปรอยละจากการสบแววตาชวนอึดอัดมาเป็นสำรวจกายโปร่งด้านบนแทน  มือเรียวยกลูบไปตามแก้มใสลากมาตามสันกราม ลำคอเรียว ลาดไหล่กว้าง  แล้วจบที่รอยหมึกสีดำที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนแผ่นอกขาว
                ตาปรือปรอยด้วยแรงกามเปลี่ยนแววเมื่อเห็นแน่ชัดว่ามันคืออะไร มือเรียวลูบไล้ไปตามรอยสักตรงอกข้างขวาของเด็กหนุ่มเบาๆ ลวดลายมันยังสวยงามและรายละเอียดยังบรรจงประณีตเหมือนเคยได้เห็นเมื่อนานมาแล้ว  มันคือรอยสักแห่งความภาคภูมิใจและความยิ่งใหญ่เขารู้ เขาเคยดีใจกับใครบางคนที่เอามันมาอวดเขาด้วยความภูมิใจ  และครั้งนั้นเขาลูบไล้มันด้วยความหลงไหล    
                จากการลูบไล้แผ่วเบาเปลี่ยนเป็นการลงเล็บไปบนแผลที่ยังตกสะเก็ดไม่เสร็จแทน  เล็บสั้นกุดแต่ยังคงความคมพอจะทำให้สะเก็ดนั้นลุดลอกได้  คมเล็บออกแรงสะกิดไม่สนความเจ็บปวดของเจ้าของแผลจนสะเก็ดแข็งหลุดล่อน  เท่านั้นยังไม่หนำใจ คมเล็บกลับกดลงไปย้ำจุดเดิมจนโลหิตสีแดงจากปากแผลไหลลงตามเรียวนิ้ว 
                เซฮุนตะครุบมือข้างนั้นไว้ก่อนที่คมเล็บจะลากไปตามรอยตามที่อยากทำ  ความแสบพร้อมสัมผัสเปียกชื้นที่รู้สึกได้  ไม่จำเป็นที่ตาจะต้องเห็นก็พอรู้ว่ามันคืออะไร  เด็กหนุ่มมองดูใบหน้าสวยตลอดเวลาตั้งแต่แรกเริ่มสัมผัสรอยสักเขา  ดวงตาสวยเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแรงของการสัมผัส  จนกลายเป็นแข็งกร่าวเมื่อลงแรงจิก 
                ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาจนจุกทั้งอก  เจ็บจากบาดแผลสดใหม่ตรงอกข้างขวา  และเจ็บกว่าตรงตำแหน่งก้อนเนื้อแห่งชีวิตตรงอกข้างซ้าย  
                เรียวลิ้นตวัดเลียเอาโลหิตสีแดงออกจากนิ้วมือกลม  รสเค็มปนกลิ่นคาวชวนคลื่นเหียนชวนให้นึกถึงตอนที่เคยได้ลิ้มรสมันจากริมฝีปากบางท่ามกลางซากศพในวันนั้น  หากมันต่างกันตรงที่วันนั้นเขารู้สึกว่ามันหอมหวานกว่า  ส่วนวันนี้มันกลับขมปร่า

                “อ๊ะ”
                ลำคอระหงแหงนเชิดขึ้นเมื่อร่างกายส่วนล่างรับรู้ถึงการรุกล้ำกะทันหัน  ก่อนผงกกลับขึ้นมาดังเดิมเมื่อส่วนนั้นของร่างกายปรับตัวได้  บั้นท้ายกลมขยับสวนกับเรียวนิ้วยาวที่กำลังชอนไซช่องทางกามารมณ์ด้วยจังหวะสอดคล้องกัน  ริมฝีปากบางเผยอนิดๆพร้อมเปล่งเสียงหวานออกมาในบางครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสโดนจุดกระสัน
                ฝ่ายผู้กระทำแม้จะขยับสวนนิ้วกับช่องทางแคบรัวเร็ว  หากแต่ไม่ได้สนใจมองคนโดนกระทำเลย  เขายังหลับหูหลับตาเลียมือเล็กหากมันคือการทำความสะอาดของพวกสัตว์มีขนคงสะอาดไม่รู้จะสะอาดยังไงแล้ว  เปลือกตาขยุ้มเข้าหากันจนคิ้วได้รูปขมวดเคร่ง 

                เขาคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มีน้ำใสๆไหลออกมาจากหางตาแม้มันปิดแน่น  และเขาพลาดที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มอันพึงพอใจจากคนที่กำลังครางกระเส่าใต้ร่างเขา

                       
               



                       
                “เซฮุน?”
                “อย่ามาทำเป็นไขสือ  ชั้นเชื่อว่าพวกนายรู้จักคนของเราคนนี้ดีโดยเฉพาะคนของพวกนายที่ชื่อลู่หาน”
                ภาพของเด็กหนุ่มตัวขาว รูปร่างสูงโปร่ง  ใบหน้าจะมองว่าหล่อก็หล่อจะมองว่าน่ารักก็น่ารัก ที่กำลังไล่เตะเพื่อนหลังออกจากรั้วโรงเรียนดังผุดขึ้นมาในหัว  คืออีกมุมนึงที่จงอินได้เห็นจากตอนที่เขาตามเด็กคนนี้  เมื่อก่อนจงอินรู้จักเด็กนั่นในฐานะศัตรูฝั่งตรงข้ามธรรมดาทั่วไป  แต่ไม่นานมานี้เด็กนั่นเพิ่งเลื่อนมาเป็นศัตรูเบอร์สำคัญหลังจากที่เขาตามสืบเรื่องราวของเด็กคนนี้แบบละเอียด 
                หากฝั่งพยัคฆ์หมอกเห็นว่าศัตรูที่อันตรายและสมควรที่สุดเป็นลู่หาน  ตอนนี้ฝั่งสิงห์เพลิงเองก็เห็นว่าตัวอันตรายและสมควรโดนกำจัดที่สุดก็เป็นเซฮุนเช่นกัน
                “แล้วยังไง”
                “วันนั้นที่ท่าเรือ  เซฮุนไปช่วยลู่หาน”

                “คุณว่าไงนะ”
                ตามคมเบิกโพลงกับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้  พร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง  บัดนี้อาการวิตกต่างๆปิดไม่มิดแล้ว  หัวใจเต้นรัวเร็วยิ่งกว่าตอนอยู่กลางห่ากระสุน  ความสบายใจเมื่อตอนเห็นผลของการวิสูจน์ในวันนั้นหายไป  เพราะหากเรื่องที่ได้ยินจากซึลกิเป็นเรื่องจริง  นั่นคือสิ่งที่เขาเคยสงสัยมันไม่เคยมีอะไรเลย  แต่มันเป็นอีกเรื่องที่ไม่เคยคาดถึงและหนักยิ่งกว่าหลายเท่า

                “วันนั้นพวกเราไปเห็นเซฮุนยืนอยู่ในห้องนั้น เป็นผู้รอดชิวิตคนเดียวท่ามกลางคนที่เป็นศพเหล่านั้น  เราไม่เชื่อหรอกว่าเด็กอย่างเซฮุนจะทำอะไรแบบนั้นคนเดียวทั้งหมด  แต่เขาก็ไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับวันนั้นให้พวกเราฟังเลย  จนพวกเราต้องคาดคั้นเขาถึงยอมปริปาก  และเขาบอกว่าทั้งหมดมันคือฝีมือลู่หาน”

                “ทุกคนตายหมดแต่เด็กนั่นรอดคนเดียว”

                “ใช่มันแปลกมาก  เซฮุนบอกว่าเขาซ่อนตัวอยู่ตอนที่ลู่หานยิงกราดยิงคนพวกนั้น  แต่ลู่หานเห็นตอนเขาจะหนีพอดีเลยบังคับให้เขาไปยืนอยู่กับพวกคนตาย  แล้วก่อนที่เขาจะลั่นไกยิงพวกเราดันไปถึงซะก่อน  ลู่หานเลยหนีไป”
                หลังประโยคยืดยาว  มุมปากบางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย  ขาเรียวสาวเข้ามาใกล้จนเกือบประชิดตัวคนที่ยืนฟังอยู่  ดวงตาสวยมองจ้องเข้าไปในดวงตาคมที่กำลังสั่นระริก  มันคือความกลัว  เหมือนแรกเริ่มที่หล่อนได้รับรู้เรื่องนี้
                “ลู่หานของนาย  นายคงรู้ดีว่าเขาเป็นยังไง”







                “อ๊ะ อ๊ะ อ่ะ  ซะ เซ  อ๊าาา”
                เสียงครางกระเส่าสิ้นสุดลงหลังจากที่น้ำขุ่นคลั่กถูกปล่อยออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้  ลู่หานคอพับคออ่อนไปบนไหล่กว้างรู้สึกว่าร่างกายมันหนักไปหมดจนทรงตัวอยู่ไม่ไหว  เหนื่อยเหมือนวิ่งรอบสนามมาสักห้ารอบ  ลำคอรึก็แสบไปหมดจากการทั้งกรีดร้องทั้งครางมาตลอด  อยากนอนพักเอาแรงสักชั่วโมงก่อนกลับแต่ดูท่าว่าลูกหมานัยตาเศร้าของเขาจะเอาแต่ใจมากไปกว่าทุกครั้ง
                        แผ่นหลังบางถูกวางราบไปกับผืนเตียงซึ่งเปียกเลอะไปด้วยคราบขาวแบบเดียวกับที่ลู่หานปล่อยออกมา นิ้วยาวป้ายเอาน้ำเมือกบนหน้าท้องแบนราบไปป้ายที่ท่อนลำเอ็นแข็งขืนของตัวเองลวกๆ  แล้วจึงเสียบลงไปที่ช่องทางแดงช้ำซึ่งอ่อนนุ่มลงไปจากการโดนใช้งานอย่างหนักหน่วง  อีกฝ่ายที่รู้งานดีก็ขมิบตอบรับให้คนกระทำเสียวเล่น
                เอวสอบสาวเข้าออกรัวเร็วแทบจะทันทีที่ท่อนเอ็นยัดเข้ามาสุดลำ  ทุกแรงส่งหนักหน่วงและเน้นย้ำตรงจุดไวสัมผัสทุกครั้ง  กายบางเขยื้อนขึ้นลงตามแรงกระแทก  ส่งเสียงกรีดร้องลั่นแม้ลำคอแห้งผาก 
                สองมือละจากการขยุ้มผ้าปูเพื่อคว้าเอาคนที่ขยับรุนแรงอยู่เหนือร่างให้ลงมาจุมพิตกัน  แต่แขนทั้งสองกลับถูกสองมือใหญ่กว่าจับไว้แล้วตรึงมันลงกับที่นอนดังเดิม 
                ใบหน้าหวานจึงสะบัดไปด้านข้างซุกลงกับต้นแขนตัวเองแทน  ลู่หานพยายามดึงอีกคนเข้ามาจูบหลายครั้งแต่เด็กนี่ไม่ยอมสักที วันนี้ลู่หานยั่วให้คนที่เอาแต่ขยับรุนแรงอยู่ในตอนนนี่โกรธ  และมันเหมือนได้ผลดีที่ทำให้เซ็กส์ครั้งนี้ถึงใจกว่าครั้งไหนๆ  แต่มันคงดีเกินไปเพราะนอกจากกระกระแทกเหมือนร่างกายเขาเป็นเหล็กไม่มีความรู้สึกเจ็บแล้ว  เด็กนี่ก็ไม่จูบหรือไม่ส่งเสียงใดๆออกมาเลย

                “พะ  พอ มะ  ไม่ไหว”
                เสียงพูดกะท่อนกะแท่นขาดห้วงด้วยแรงที่ยังส่งมาไม่หยุด สองมือดันหน้าขาของคนที่ส่งแรงประทะเข้ามาหวังให้ออกไปไกล จากอารมณ์ใคร่เหลือเพียงความเจ็บแสบ  ช่องทางด้านล่างชาไปหมดหากอีกคนถอดลำกายออกไปมันคงกลวงโบ๋  ร่างกายกว่าครึ่งของลู่หานหลุดออกมานอกเตียงแล้วคนกระทำก็ยังไม่ยอมหยุดสักที  เรียวขาที่ลู่หานพยายามฉีกออกให้กว้างเผื่อบรรเทาความเจ็บลงได้  ถูกกอดให้แนบไปกับเอวสอบ 
                การเพิ่มความบีบรัดของช่องทาง  ส่งความเสียวซ่านให้เซฮุนครางฮึมฮัมในลำคอ ตอนนี้ความสุขจากความใคร่กำลังแล่นปราบไปทั่วร่างกายเขา  ตรงกันข้ามความเจ็บปวดกำลังเล่นพล่านไปทั่วร่างกายที่โดนรังแก
                “โอ๊ะ”
                เซฮุนส่งแรงกระแทกเข้าไปถี่ยิบ  กระทั้นกระทุ้งจนกายบางหล่นร่วงลงไปบนพื้นกระเบื้องข้างเตียง  พร้อมผ้าปูที่นอนขาดวิ่นที่หลุดติดมือไปด้วย  มือทั้งสองรีบคว้าเอวเล็กไว้ก่อนที่ร่างกายส่วนล่างจะหลุดจากกัน  เขาเพิ่งสังเกตุว่าเสียงครางหวานหูด้วยความสุขสมเปลี่ยนเป็นเสียงครางด้วยความเจ็บ  ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ไม่สน  เด็กหนุ่มกระแทกกายสวนเข้าไปในร่างที่กำลังถอยหนีคราวเดียวสุด 
                ลู่หานหยุดการปัดป่ายทั้งหมดที่เคยทำด้วยร่างกายเกินฝืนแล้ว ปล่อยแผ่นหลังนอนแนบไปกับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ  ริมฝีปากบางอ้ากว้างกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด  นอนหอบฟังเสียงเฉอะแฉะและเสียงกระทบกันของเนื้อหนังมังสาส่วนล่าง  คงเป็นความผิดของเขาเองที่ยั่วโมโหอีกคนก่อน  ฝั่งนั้นจึงไม่คิดจะเห็นใจและทำเหมือนเขาเป็นโสเภณี
               

                ก่อนสติจะขาดห้วงไป  เหมือนแรงกระแทกรุนแรงเริ่มแผ่วลงและหยุดไปในที่สุด  สัมผัสเย็นเฉียบจ่อเข้าตรงหน้าผากเปียกเหงื่อ  ตาหวานปรือปรอยขึ้นรวดเร็วด้วยความตกใจ
                ปลายด้ามสีดำคือสิ่งที่เห็นก่อน  สัญชาตญาณบอกให้เขาหนีแต่กายกลับขยับไม่ได้  ไม่ใช่ว่าร่างกายโดนทับทาบอยู่  แต่กลับเป็นแววตาร้าวรอนจากคนที่ยกปืนจ่อหัวเขา  เป็นหมุดตรึงเขาไว้ม่ให้หนีไปไหน

                “ถ้าจะล่อเล่นก็วางมันลง  หรือถ้าจะยิงก็รีบๆ”
                ละจากการจ้องตากับเด็กหนุ่มใจกล้าเบือนสายตามาที่อุปกรณ์พรากวิญญาณสีดำที่จ่อตัวเองอยู่  ถึงหลงไหลมัน  อยากสัมผัสมันอีกแต่ไม่รู้เขาจะมีโอกาสอีกหรือเปล่า
                “อย่าลืมปลดล็อคก่อนนะเดี๋ยวยิงไม่ออก”
                        ลู่หานหัวเราะให้กับความกล้าของเด็กนี่และความอวดดีบ้าๆของตัวเอง  น้ำผึ้งของสัตรูมันคือยาพิษ  ตอนนี้รู้แล้วว่าตัวลู่หานเองมันแค่แมลงโง่ๆที่หลงคิดว่าตัวเองเป็นยาพิษ  เป็นเขาที่โดดลงเล่นกับความหอมหวานโดยเห็นอีกฝ่ายเป็นแมลงมาตลอด 
                ร่างกายส่วนล่างของทั้งคู่ยังคากันอยู่เลย และนี่มันเป็นคงเป็นการจบชีวิตของนักเลงคนนึงที่ทุเรศที่สุด  เปลือกตาสวยหลับลงอีกครั้งพร้อมกับการสูดหายใจเข้าลึก  ปล่อยสมองให้ว่างเปล่ารอฟังเสียงดังปังแสนไพเราะซึ่งอาจได้ยินเป็นครั้งสุดท้าย
                       
                แทนที่เสียงดังปัง  ลู่หานกลับรู้สึกถึงการละออกจากปลายกระบอกที่กดแน่นบนหน้าผาก  หยดน้ำอุ่นเม็ดใหญ่หยดลงบนผิวหน้าตามมาด้วยเสียงสะอื้นฮัก  เปลือกตาปรือขึ้นอีกรอบ  สิ่งที่เห็นคือใบหน้าขาวซึ่งบัดนี้แดงเห่อกับตาคมซึ่งคลอหน่วงไปด้วยหยาดน้ำ 
               
                “ผมรักคุณ”
               
                แขนเรียวโน้มคอเด็กขี้แยลงมาจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน  ริมฝีปากบางทาบปิดกั้นเสียงสะอื้นทั้งหมดไว้  พร้อมกับสอดเรียวลิ้นเข้าไปควานทั่วโพรงปาก
                จูบครั้งนี้อ่อนหวานไม่เร้าร้อนรุนแรง  มันเป็นจูบที่เหมือนการปลอบประโลม จูบที่บอกว่ายังมีกันและกันอยู่ตรงนี้  จูบที่บ่งบอกถึงจุดมุ่งหมายของการมีชิวิตต่อไป   



                        หากเราผิดที่แข็งขืนต่อคำบัญชาการของเส้นทางชีวิต  โปรดปล่อยพวกเราไปเถิด  ไม่ว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์

..............................................................................................................................................................................................................

จบตอนสี่ไปแบบยาวเฟื้อยและหืดขึ้นคอ  ถามว่าทำไมต้องลากมาเอ็นซีทั้งที่มันควรจะจบได้แล้ว  ก็เพราะในเอ็นซีมันต่อเนื่องจากคำโปรยเมื่อต้นตอนนั่นเอง  อุ๊อิ๊  ความจริงเราก็อยากจบมากเพราะมันยาวไป  แต่มันตัดไม่ได้จริงๆ  

ยังไงก็ฝากเม้น  ฝากสกรีมให้เราหน่อยน้อออ  มันคือกำลังใจให้เราสู้ต่อไปแม้สมองเราค่อนข้างจะตีบตัน  #ร้องไห้  
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1357110&chapter=4