Gangnam 1995 cut 4
“เซฮุน”
ริมฝีปากบางครางชื่อเด็กหนุ่มแผ่วเบาหลังจากการคลุกวงในอันยาวนานจนผืนเตียงยับยู่
ดวงตาปรือปรอยละจากการสบแววตาชวนอึดอัดมาเป็นสำรวจกายโปร่งด้านบนแทน มือเรียวยกลูบไปตามแก้มใสลากมาตามสันกราม
ลำคอเรียว ลาดไหล่กว้าง
แล้วจบที่รอยหมึกสีดำที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนแผ่นอกขาว
ตาปรือปรอยด้วยแรงกามเปลี่ยนแววเมื่อเห็นแน่ชัดว่ามันคืออะไร
มือเรียวลูบไล้ไปตามรอยสักตรงอกข้างขวาของเด็กหนุ่มเบาๆ ลวดลายมันยังสวยงามและรายละเอียดยังบรรจงประณีตเหมือนเคยได้เห็นเมื่อนานมาแล้ว
มันคือรอยสักแห่งความภาคภูมิใจและความยิ่งใหญ่เขารู้
เขาเคยดีใจกับใครบางคนที่เอามันมาอวดเขาด้วยความภูมิใจ และครั้งนั้นเขาลูบไล้มันด้วยความหลงไหล
จากการลูบไล้แผ่วเบาเปลี่ยนเป็นการลงเล็บไปบนแผลที่ยังตกสะเก็ดไม่เสร็จแทน
เล็บสั้นกุดแต่ยังคงความคมพอจะทำให้สะเก็ดนั้นลุดลอกได้ คมเล็บออกแรงสะกิดไม่สนความเจ็บปวดของเจ้าของแผลจนสะเก็ดแข็งหลุดล่อน เท่านั้นยังไม่หนำใจ คมเล็บกลับกดลงไปย้ำจุดเดิมจนโลหิตสีแดงจากปากแผลไหลลงตามเรียวนิ้ว
เซฮุนตะครุบมือข้างนั้นไว้ก่อนที่คมเล็บจะลากไปตามรอยตามที่อยากทำ ความแสบพร้อมสัมผัสเปียกชื้นที่รู้สึกได้
ไม่จำเป็นที่ตาจะต้องเห็นก็พอรู้ว่ามันคืออะไร เด็กหนุ่มมองดูใบหน้าสวยตลอดเวลาตั้งแต่แรกเริ่มสัมผัสรอยสักเขา
ดวงตาสวยเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแรงของการสัมผัส จนกลายเป็นแข็งกร่าวเมื่อลงแรงจิก
ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาจนจุกทั้งอก เจ็บจากบาดแผลสดใหม่ตรงอกข้างขวา และเจ็บกว่าตรงตำแหน่งก้อนเนื้อแห่งชีวิตตรงอกข้างซ้าย
เรียวลิ้นตวัดเลียเอาโลหิตสีแดงออกจากนิ้วมือกลม
รสเค็มปนกลิ่นคาวชวนคลื่นเหียนชวนให้นึกถึงตอนที่เคยได้ลิ้มรสมันจากริมฝีปากบางท่ามกลางซากศพในวันนั้น
หากมันต่างกันตรงที่วันนั้นเขารู้สึกว่ามันหอมหวานกว่า ส่วนวันนี้มันกลับขมปร่า
“อ๊ะ”
ลำคอระหงแหงนเชิดขึ้นเมื่อร่างกายส่วนล่างรับรู้ถึงการรุกล้ำกะทันหัน ก่อนผงกกลับขึ้นมาดังเดิมเมื่อส่วนนั้นของร่างกายปรับตัวได้
บั้นท้ายกลมขยับสวนกับเรียวนิ้วยาวที่กำลังชอนไซช่องทางกามารมณ์ด้วยจังหวะสอดคล้องกัน ริมฝีปากบางเผยอนิดๆพร้อมเปล่งเสียงหวานออกมาในบางครั้งที่ปลายนิ้วสัมผัสโดนจุดกระสัน
ฝ่ายผู้กระทำแม้จะขยับสวนนิ้วกับช่องทางแคบรัวเร็ว หากแต่ไม่ได้สนใจมองคนโดนกระทำเลย
เขายังหลับหูหลับตาเลียมือเล็กหากมันคือการทำความสะอาดของพวกสัตว์มีขนคงสะอาดไม่รู้จะสะอาดยังไงแล้ว เปลือกตาขยุ้มเข้าหากันจนคิ้วได้รูปขมวดเคร่ง
เขาคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มีน้ำใสๆไหลออกมาจากหางตาแม้มันปิดแน่น
และเขาพลาดที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มอันพึงพอใจจากคนที่กำลังครางกระเส่าใต้ร่างเขา
“เซฮุน?”
“อย่ามาทำเป็นไขสือ
ชั้นเชื่อว่าพวกนายรู้จักคนของเราคนนี้ดีโดยเฉพาะคนของพวกนายที่ชื่อลู่หาน”
ภาพของเด็กหนุ่มตัวขาว
รูปร่างสูงโปร่ง
ใบหน้าจะมองว่าหล่อก็หล่อจะมองว่าน่ารักก็น่ารัก
ที่กำลังไล่เตะเพื่อนหลังออกจากรั้วโรงเรียนดังผุดขึ้นมาในหัว คืออีกมุมนึงที่จงอินได้เห็นจากตอนที่เขาตามเด็กคนนี้ เมื่อก่อนจงอินรู้จักเด็กนั่นในฐานะศัตรูฝั่งตรงข้ามธรรมดาทั่วไป แต่ไม่นานมานี้เด็กนั่นเพิ่งเลื่อนมาเป็นศัตรูเบอร์สำคัญหลังจากที่เขาตามสืบเรื่องราวของเด็กคนนี้แบบละเอียด
หากฝั่งพยัคฆ์หมอกเห็นว่าศัตรูที่อันตรายและสมควรที่สุดเป็นลู่หาน ตอนนี้ฝั่งสิงห์เพลิงเองก็เห็นว่าตัวอันตรายและสมควรโดนกำจัดที่สุดก็เป็นเซฮุนเช่นกัน
“แล้วยังไง”
“วันนั้นที่ท่าเรือ เซฮุนไปช่วยลู่หาน”
“คุณว่าไงนะ”
ตามคมเบิกโพลงกับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้ พร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง บัดนี้อาการวิตกต่างๆปิดไม่มิดแล้ว หัวใจเต้นรัวเร็วยิ่งกว่าตอนอยู่กลางห่ากระสุน ความสบายใจเมื่อตอนเห็นผลของการวิสูจน์ในวันนั้นหายไป
เพราะหากเรื่องที่ได้ยินจากซึลกิเป็นเรื่องจริง นั่นคือสิ่งที่เขาเคยสงสัยมันไม่เคยมีอะไรเลย แต่มันเป็นอีกเรื่องที่ไม่เคยคาดถึงและหนักยิ่งกว่าหลายเท่า
“วันนั้นพวกเราไปเห็นเซฮุนยืนอยู่ในห้องนั้น
เป็นผู้รอดชิวิตคนเดียวท่ามกลางคนที่เป็นศพเหล่านั้น เราไม่เชื่อหรอกว่าเด็กอย่างเซฮุนจะทำอะไรแบบนั้นคนเดียวทั้งหมด แต่เขาก็ไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับวันนั้นให้พวกเราฟังเลย จนพวกเราต้องคาดคั้นเขาถึงยอมปริปาก และเขาบอกว่าทั้งหมดมันคือฝีมือลู่หาน”
“ทุกคนตายหมดแต่เด็กนั่นรอดคนเดียว”
“ใช่มันแปลกมาก เซฮุนบอกว่าเขาซ่อนตัวอยู่ตอนที่ลู่หานยิงกราดยิงคนพวกนั้น
แต่ลู่หานเห็นตอนเขาจะหนีพอดีเลยบังคับให้เขาไปยืนอยู่กับพวกคนตาย แล้วก่อนที่เขาจะลั่นไกยิงพวกเราดันไปถึงซะก่อน ลู่หานเลยหนีไป”
หลังประโยคยืดยาว มุมปากบางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ขาเรียวสาวเข้ามาใกล้จนเกือบประชิดตัวคนที่ยืนฟังอยู่
ดวงตาสวยมองจ้องเข้าไปในดวงตาคมที่กำลังสั่นระริก มันคือความกลัว เหมือนแรกเริ่มที่หล่อนได้รับรู้เรื่องนี้
“ลู่หานของนาย นายคงรู้ดีว่าเขาเป็นยังไง”
“อ๊ะ อ๊ะ อ่ะ ซะ … เซ อ๊าาา”
เสียงครางกระเส่าสิ้นสุดลงหลังจากที่น้ำขุ่นคลั่กถูกปล่อยออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ลู่หานคอพับคออ่อนไปบนไหล่กว้างรู้สึกว่าร่างกายมันหนักไปหมดจนทรงตัวอยู่ไม่ไหว เหนื่อยเหมือนวิ่งรอบสนามมาสักห้ารอบ ลำคอรึก็แสบไปหมดจากการทั้งกรีดร้องทั้งครางมาตลอด อยากนอนพักเอาแรงสักชั่วโมงก่อนกลับแต่ดูท่าว่าลูกหมานัยตาเศร้าของเขาจะเอาแต่ใจมากไปกว่าทุกครั้ง
แผ่นหลังบางถูกวางราบไปกับผืนเตียงซึ่งเปียกเลอะไปด้วยคราบขาวแบบเดียวกับที่ลู่หานปล่อยออกมา
นิ้วยาวป้ายเอาน้ำเมือกบนหน้าท้องแบนราบไปป้ายที่ท่อนลำเอ็นแข็งขืนของตัวเองลวกๆ แล้วจึงเสียบลงไปที่ช่องทางแดงช้ำซึ่งอ่อนนุ่มลงไปจากการโดนใช้งานอย่างหนักหน่วง อีกฝ่ายที่รู้งานดีก็ขมิบตอบรับให้คนกระทำเสียวเล่น
เอวสอบสาวเข้าออกรัวเร็วแทบจะทันทีที่ท่อนเอ็นยัดเข้ามาสุดลำ
ทุกแรงส่งหนักหน่วงและเน้นย้ำตรงจุดไวสัมผัสทุกครั้ง กายบางเขยื้อนขึ้นลงตามแรงกระแทก ส่งเสียงกรีดร้องลั่นแม้ลำคอแห้งผาก
สองมือละจากการขยุ้มผ้าปูเพื่อคว้าเอาคนที่ขยับรุนแรงอยู่เหนือร่างให้ลงมาจุมพิตกัน
แต่แขนทั้งสองกลับถูกสองมือใหญ่กว่าจับไว้แล้วตรึงมันลงกับที่นอนดังเดิม
ใบหน้าหวานจึงสะบัดไปด้านข้างซุกลงกับต้นแขนตัวเองแทน ลู่หานพยายามดึงอีกคนเข้ามาจูบหลายครั้งแต่เด็กนี่ไม่ยอมสักที
วันนี้ลู่หานยั่วให้คนที่เอาแต่ขยับรุนแรงอยู่ในตอนนนี่โกรธ
และมันเหมือนได้ผลดีที่ทำให้เซ็กส์ครั้งนี้ถึงใจกว่าครั้งไหนๆ แต่มันคงดีเกินไปเพราะนอกจากกระกระแทกเหมือนร่างกายเขาเป็นเหล็กไม่มีความรู้สึกเจ็บแล้ว เด็กนี่ก็ไม่จูบหรือไม่ส่งเสียงใดๆออกมาเลย
“พะ พอ มะ
ไม่ไหว”
เสียงพูดกะท่อนกะแท่นขาดห้วงด้วยแรงที่ยังส่งมาไม่หยุด
สองมือดันหน้าขาของคนที่ส่งแรงประทะเข้ามาหวังให้ออกไปไกล
จากอารมณ์ใคร่เหลือเพียงความเจ็บแสบ
ช่องทางด้านล่างชาไปหมดหากอีกคนถอดลำกายออกไปมันคงกลวงโบ๋ ร่างกายกว่าครึ่งของลู่หานหลุดออกมานอกเตียงแล้วคนกระทำก็ยังไม่ยอมหยุดสักที
เรียวขาที่ลู่หานพยายามฉีกออกให้กว้างเผื่อบรรเทาความเจ็บลงได้ ถูกกอดให้แนบไปกับเอวสอบ
การเพิ่มความบีบรัดของช่องทาง ส่งความเสียวซ่านให้เซฮุนครางฮึมฮัมในลำคอ
ตอนนี้ความสุขจากความใคร่กำลังแล่นปราบไปทั่วร่างกายเขา ตรงกันข้ามความเจ็บปวดกำลังเล่นพล่านไปทั่วร่างกายที่โดนรังแก
“โอ๊ะ”
เซฮุนส่งแรงกระแทกเข้าไปถี่ยิบ กระทั้นกระทุ้งจนกายบางหล่นร่วงลงไปบนพื้นกระเบื้องข้างเตียง พร้อมผ้าปูที่นอนขาดวิ่นที่หลุดติดมือไปด้วย มือทั้งสองรีบคว้าเอวเล็กไว้ก่อนที่ร่างกายส่วนล่างจะหลุดจากกัน เขาเพิ่งสังเกตุว่าเสียงครางหวานหูด้วยความสุขสมเปลี่ยนเป็นเสียงครางด้วยความเจ็บ ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ไม่สน เด็กหนุ่มกระแทกกายสวนเข้าไปในร่างที่กำลังถอยหนีคราวเดียวสุด
ลู่หานหยุดการปัดป่ายทั้งหมดที่เคยทำด้วยร่างกายเกินฝืนแล้ว
ปล่อยแผ่นหลังนอนแนบไปกับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ
ริมฝีปากบางอ้ากว้างกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด
นอนหอบฟังเสียงเฉอะแฉะและเสียงกระทบกันของเนื้อหนังมังสาส่วนล่าง คงเป็นความผิดของเขาเองที่ยั่วโมโหอีกคนก่อน ฝั่งนั้นจึงไม่คิดจะเห็นใจและทำเหมือนเขาเป็นโสเภณี
ก่อนสติจะขาดห้วงไป เหมือนแรงกระแทกรุนแรงเริ่มแผ่วลงและหยุดไปในที่สุด
สัมผัสเย็นเฉียบจ่อเข้าตรงหน้าผากเปียกเหงื่อ ตาหวานปรือปรอยขึ้นรวดเร็วด้วยความตกใจ
ปลายด้ามสีดำคือสิ่งที่เห็นก่อน
สัญชาตญาณบอกให้เขาหนีแต่กายกลับขยับไม่ได้ ไม่ใช่ว่าร่างกายโดนทับทาบอยู่ แต่กลับเป็นแววตาร้าวรอนจากคนที่ยกปืนจ่อหัวเขา เป็นหมุดตรึงเขาไว้ม่ให้หนีไปไหน
“ถ้าจะล่อเล่นก็วางมันลง หรือถ้าจะยิงก็รีบๆ”
ละจากการจ้องตากับเด็กหนุ่มใจกล้าเบือนสายตามาที่อุปกรณ์พรากวิญญาณสีดำที่จ่อตัวเองอยู่
ถึงหลงไหลมัน อยากสัมผัสมันอีกแต่ไม่รู้เขาจะมีโอกาสอีกหรือเปล่า
“อย่าลืมปลดล็อคก่อนนะเดี๋ยวยิงไม่ออก”
ลู่หานหัวเราะให้กับความกล้าของเด็กนี่และความอวดดีบ้าๆของตัวเอง น้ำผึ้งของสัตรูมันคือยาพิษ
ตอนนี้รู้แล้วว่าตัวลู่หานเองมันแค่แมลงโง่ๆที่หลงคิดว่าตัวเองเป็นยาพิษ เป็นเขาที่โดดลงเล่นกับความหอมหวานโดยเห็นอีกฝ่ายเป็นแมลงมาตลอด
ร่างกายส่วนล่างของทั้งคู่ยังคากันอยู่เลย
และนี่มันเป็นคงเป็นการจบชีวิตของนักเลงคนนึงที่ทุเรศที่สุด เปลือกตาสวยหลับลงอีกครั้งพร้อมกับการสูดหายใจเข้าลึก ปล่อยสมองให้ว่างเปล่ารอฟังเสียงดังปังแสนไพเราะซึ่งอาจได้ยินเป็นครั้งสุดท้าย
แทนที่เสียงดังปัง ลู่หานกลับรู้สึกถึงการละออกจากปลายกระบอกที่กดแน่นบนหน้าผาก หยดน้ำอุ่นเม็ดใหญ่หยดลงบนผิวหน้าตามมาด้วยเสียงสะอื้นฮัก เปลือกตาปรือขึ้นอีกรอบ
สิ่งที่เห็นคือใบหน้าขาวซึ่งบัดนี้แดงเห่อกับตาคมซึ่งคลอหน่วงไปด้วยหยาดน้ำ
“ผมรักคุณ”
แขนเรียวโน้มคอเด็กขี้แยลงมาจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน ริมฝีปากบางทาบปิดกั้นเสียงสะอื้นทั้งหมดไว้ พร้อมกับสอดเรียวลิ้นเข้าไปควานทั่วโพรงปาก
จูบครั้งนี้อ่อนหวานไม่เร้าร้อนรุนแรง มันเป็นจูบที่เหมือนการปลอบประโลม จูบที่บอกว่ายังมีกันและกันอยู่ตรงนี้
จูบที่บ่งบอกถึงจุดมุ่งหมายของการมีชิวิตต่อไป
หากเราผิดที่แข็งขืนต่อคำบัญชาการของเส้นทางชีวิต โปรดปล่อยพวกเราไปเถิด ไม่ว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์
..............................................................................................................................................................................................................
จบตอนสี่ไปแบบยาวเฟื้อยและหืดขึ้นคอ ถามว่าทำไมต้องลากมาเอ็นซีทั้งที่มันควรจะจบได้แล้ว ก็เพราะในเอ็นซีมันต่อเนื่องจากคำโปรยเมื่อต้นตอนนั่นเอง อุ๊อิ๊ ความจริงเราก็อยากจบมากเพราะมันยาวไป แต่มันตัดไม่ได้จริงๆ
ยังไงก็ฝากเม้น ฝากสกรีมให้เราหน่อยน้อออ มันคือกำลังใจให้เราสู้ต่อไปแม้สมองเราค่อนข้างจะตีบตัน #ร้องไห้
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1357110&chapter=4